"ฉี่หนู"อาละวาดพบป่วยเพิ่ม5%
เตือนปวดน่อง-ตาแดงสงสัยไว้
(ไทยโพสต์)
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กรมควบคุมโรคยันตัวเลขผู้ป่วยฉี่หนูเพิ่มขึ้นจาก 1% เป็น 5%
แม้ยังไม่มีสัญญาณถึงขั้นเป็นโรคระบาด
ชี้สาเหตุที่เสียชีวิตเพราะประชาชนไม่ตระหนัก ไปพบหมอช้า เตือนถ้ามีไข้
ปวดกล้ามเนื้อน่อง ตาแดงให้สงสัยว่าเป็นโรคฉี่หนู
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค
กล่าวถึงสถานการณ์การเกิดโรคในช่วงสถานการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะที่ศูนย์พักพิงว่า
จากการเฝ้าระวังโรค เช่น
ไข้หวัด ท้องร่วง ฉี่หนู ซึ่งมีผู้ป่วยบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ถึงขั้นเป็นโรคระบาด
เนื่องจากไม่มีการป่วยเป็นกลุ่มก้อน
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าอัตราการป่วยเป็นโรคฉี่หนูเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1 เป็นร้อยละ 5
นั้นถือว่าเป็นอัตราที่สอดรับกับสถานการณ์น้ำท่วม
โดยเฉพาะพื้นที่ที่น้ำลดลงและเข้าสู่ระยะฟื้นฟู
ซึ่งประชาชนจะกลับเข้าไปยังบ้านเรือน ไร่นา
อาจจะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
จึงพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่น่าห่วงคือแม้โรคดังกล่าวจะสามารถป้องกันและรักษาให้หายได้
แต่จากข้อมูลของสำนักโรคระบาด กระทรวงสาธารณสุข
จะเห็นว่าการเสียชีวิตส่วนมากเกิดจากการที่ประชาชนไม่ตระหนักถึงอันตรายของโรค
และการไปพบแพทย์ช้า ดังนั้นจึงต้องรณรงค์เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก
โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำท่วมหากพบว่ามีอาการต้องสงสัยว่าจะเป็นโรคฉี่หนู เช่น
ปวดกล้ามเนื้อน่อง ตาแดง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นโรคฉี่หนู
และดำเนินการรักษาทันทีเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าว
"ช่วงนี้จะเห็นว่ามีทั้งพื้นที่น้ำท่วม น้ำไหลหลาก
น้ำขัง น้ำเน่า น้ำลดน้ำแห้ง ดังนั้นความเสี่ยงของแต่ละพื้นที่จึงมีความแตกต่างกัน
แต่อย่างไรก็ตาม โรคที่ยังมีความเสี่ยงในทุกพื้นที่คือ โรคฉี่หนู และโรคท้องร่วง
โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ตามมาด้วยโรคไข้เลือดออก หลังน้ำลดจะพบมากขึ้น"
นพ.สุวรรณชัยกล่าว และว่า นอกจากนี้การเสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อต
ไฟฟ้าดูด กรมควบคุมโรค
โดยสำนักระบาดวิทยากำลังทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการถูกไฟฟ้าช็อต
เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อหาทางป้องกันและลดจำนวนผู้เสียชีวิต